หลักการทำงานของ Google Tag manager
หลังจากที่เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับการติดตามผลโฆษณาและรู้ว่าการใช้ Cookies ส่งผลสำคัญต่อการที่เราเห็นโฆษณาเกี่ยวกับสิ่งที่เราสนใจ…

หลังจากที่เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับการติดตามผลโฆษณาและรู้ว่าการใช้ Cookies ส่งผลสำคัญต่อการที่เราเห็นโฆษณาเกี่ยวกับสิ่งที่เราสนใจ ไม่ว่าเราจะอยู่ในแอพ หรือเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม วันนี้ผมจะมาอธิบายวิธีการทำงานเบื้องต้นสำหรับ Google Tag manager ให้ทุกคนเข้าใจกันอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น

หน้าต่างของ Google Tag manager ประกอบไปด้วยส่วนสำคัญหลัก 3 องค์ประกอบ
- Workspace
เป็นแท็บที่เกี่ยวกับการทำงานการรับข้อมูล Cookies จากเว็บไซต์และทำการส่งข้อมูลต่อออกไปยังแพลตฟอร์มที่ต้องการ โดยมีหน่วยการทำงานย่อยอีก 3 ระดับเพื่อสร้างวิธีการส่งข้อมูล ได้แก่
- Tags : พื้นที่/แพลตฟอร์มที่เราต้องการส่งข้อมูล หรือแสดงผลบางอย่างหลัง เพื่อตอบสนองพฤติกรรมที่กำหนดไว้
- Triggers : การกำหนดรูปแบบ หรือ เงื่อนไขพฤติกรรมที่เราต้องการ เมื่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ ทำตามเงื่อนไขสำเร็จ Trigger จะเด้งขึ้นและทำให้เกิดการส่งข้อมูลหรือการแสดงผลบางอย่างตามที่ Tags กำหนดไว้
- Variable : ตัวแปรท่ีใช้ในการสร้างพฤติกรรมที่ต้องการ เช่น การคลิก การเลื่อนหน้าเว็บไซต์ การใช้เวลาบนเว็บไซต์ หรือตัวแปรที่กำหนดเองจากการเขียน Code ก็สามารถทำได้เช่นกัน
วิธีการใช้งาน Tags, Trigger และ Variables
ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น ลูกค้าตั้งโจทย์ว่า ต้องการให้เรายิงโฆษณาโปรโมชั่นบน Facebook ไปหาคนที่เข้าชมหน้าโปรโมชั่น Summer sale บนเว็บไซต์ eCommerce ของเขา
สิ่งที่เราต้องจัดการคือ การสร้างตัวแปร (Variable) และ พฤติกรรมที่ถูกกระตุ้น (Trigger)

ภาพ 1.2 แสดงให้เห็นว่ามีการสร้าง Trigger ชื่อว่า Summer Sale Trigger
โดยกำหนดให้ประเภทของตัวแปรเป็น Pageview และกำหนดเงื่อนไขด้วยการบอกว่า ถ้าหากผู้เข้าชมเว็บไซต์เข้าไปยังหน้าเว็บไซต์ที่ Page URL มีคำว่า “promotion-summer-sales-2020” เมื่อเงื่อนไขเป็นจริง ให้ Trigger เด้งขึ้น เพื่อแสดงผล

เมื่อกำหนด Variable และ Trigger เสร็จแล้ว เราจะมาสร้าง Tags สำหรับ Facebook เพื่อส่งข้อมูล Cookies ที่เราเก็บได้ไปยัง Facebook Business และใช้ในการโฆษณาต่อไป โดยที่ Facebook จะมีเครื่องที่ใช้ในการเก็บข้อมูล Cookies ชื่อว่า Facebook pixel และใช้ภาษา Javascript*
ในการส่งข้อมูล เราสามารถนำโค้ดชุดนี้มาจาก Facebook pixel หลังจากการสร้างใน Facebook business ด้วยการใส่โดเมนเว็บไซต์ที่ต้องการแล้วกดสร้าง Facebook pixel โดยเราจะต้องสร้าง Pixel ใน Ad Account เดียวกันกับที่เราใช้โฆษณา
หลังจากนั้นก็บันทึก เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถส่งข้อมูลตามโจทย์ที่ตั้งไว้ได้สำเร็จ
เมื่อมีผู้ใช้งานเข้าเว็บไซต์ในหน้า Promotion ข้อมูลจะถูกส่งไปยัง Facebook Business ผ่าน Facebook pixel เพื่อใช้งานต่อไป
2. Version
การอัพเดท Tag manager ในแต่ละครั้งจะถูกนับเป็น 1 เวอร์ชั่น โดยที่เราสามารถแก้ไขย้อนหลังกลับไปเวอร์ชั่นก่อนหน้านั้นได้ หรือจะขยับกลับมาใช้เวอร์ชั่นที่ใหม่กว่าก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน


หน้า Version จะเป็นการบอกว่า ปัจจุบัน Tag manager ที่เราใช้งานอยู่เป็นเวอร์ชั่นไหน มีการอัพเดทครั้งล่าสุดเมื่อไร และอัพเดทจากใคร ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับแต่ละเวอร์ชั่น สามารถเข้าไปดูได้จากการคลิกที่เวอร์ชั่นที่ต้องการเพื่อเข้าสู่หน้า Version Summary ที่อธิบายรายละเอียดในส่วน Description ซึ่งต้องเขียนให้คนที่ทำงานร่วมกันเข้าใจมากที่สุด ว่าเราได้อัพเดทหรือเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้าง และทำเพื่ออะไร
นอกจากนี้ในส่วน version changes จะบอกเราได้ว่าผู้พัฒนาได้มีการเปลี่ยนแปลงส่วนไหนของ Tag , Trigger และ Variable
3. Admin
การจัดการเกี่ยวกับ Tag manager ทั้งหมดสามารถถูกควบคุมได้จากแท็บนี้ ตั้งแต่การเริ่มต้นการติดตั้งโค้ด Tag manager การกำหนดระดับผู้ใช้งาน การดูประวัติการทำงานของผู้พัฒนา การนำเข้าและส่งออก Container** ฯลฯ

ภาพ 3.1 จะปรากฎกล่อง Account และ Container โดยที่หนึ่ง Account จะมีได้หลาย Container ยกตัวอย่าง เช่น เราเป็นเอเจนซี่ชื่อ A มีงานหลายโปรเจคที่ใช้ Google Tag Manager เพื่อทำการตลาด อย่างเว็บไซต์กีฬา เว็บไซต์ข่าว เว็บไซต์ธุรกิจ
ดังนั้น Account ของ A ก็จะมี Container 3 อัน ได้แก่ เว็บไซต์กีฬา เว็บไซต์ข่าว เว็บไซต์ธุรกิจ
โดยที่แท็บ Account จะทำหน้าที่ในการกำหนดบทบาทการทำงานในแต่ละ Container รวมถึงการดู พฤติกรรมการทำงานย้อนหลังได้
ในขณะเดียวกัน แท็บ Container ก็สามารถควบคุมระดับการใช้งานของ User ภายใต้ Container นั้นๆ ได้เช่นกัน และสามารถนำโค้ดของ Container ดังกล่าวไปให้
ทีม Developer เพื่อใช้ติดตั้งบนเว็บไซต์ด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้แท็กสามารถทำงานได้
ทั้งหมดนี้คือพื้นฐานการทำงานของ Google Tag Manager ที่นักการตลาดควรรู้และเข้าใจเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดตามแผนการตลาดที่ได้วางไว้
*ในภาพเป็นการใช้คำว่า HTML ที่เป็นภาษาทั่วไปในการเขียนเว็บไซต์ปกติ แต่ภายในภาษา HTML เราสามารถเขียนภาษา Javascript แทรกเข้าไปเพื่อสร้าง
ฟังก์ชั่นการใช้งานอื่น ๆ อย่างเช่นการส่งข้อมูลไปยัง Facebook pixel ตามเลข
ไอดีที่ได้ทำการใส่กรอบสี่เหลี่ยมไว้ เป็นต้น
** Container ใน Google Tag manager เปรียบเสมือนกล่องที่ใช้เก็บ Tags ของแต่ละเว็บไซต์/แอพพลิเคชั่น โดย 1 Container สามารถเก็บ Tags จำนวนเท่าไรก็ได้ ภายใต้ Domain เดียวกับตามที่ได้ฝังโค้ดไว้ที่เว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่น